มะระขม แต่ดีมีประโยชน์ (หวานเป็นลม ขมเป็นยา)


เมื่อพูดผักอย่าง 'มะระ' ใครๆ ที่เคยได้ลิ้มลองคงนึกถึงรสชาติของความขมได้เป็นอย่างดี แต่ในเมื่อ 'หวานเป็นลม ขมเป็นยา' ตามคำเปรียบเปรยที่คนโบราณกล่าวไว้
ความขมเพียงเล็กน้อยของมะระ จึงสู้ไม่ได้กับประโยชน์ทางอาหารและสรรพคุณทางยาที่มีมากมายจนเรานึกไม่ถึง...

มะระเป็นพืชล้มลุกชนิดไม้เถา จัดเป็นผักตระกูลเดียวกับ ฟัก แตงกวา บวบ ค้นพบครั้งแรกในประเทศจีน ก่อนที่แพร่ขยายไปในแถบทวีปเอเชียและอินเดีย จนกลายเป็นผักที่ใครๆ ก็รู้จักทุกวันนี้ ปัจจุบันในบ้านเรานิยมบริโภคมะระเพียงสองชนิด คือ มะระขี้นก ซึ่งมีขนาดเล็ก ผิวขรุขระ สีเขียวแก่ หัวและท้ายเรียวแหลม มีรสชาติขม และมะระจีน ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ชาวจีนนำเข้ามาในประเทศไทย ลักษณะผลมีขนาดใหญ่ สีเขียวอ่อน น้ำหนักมาก แต่มีความขมน้อยกว่า

มะระทำไมขม

เหตุที่มะระมีรสขม เพราะในมะระมีสารเคมีชนิดหนึ่งชื่อ Momodicine ซึ่งมีสรรพคุณในการช่วยกระตุ้นความรู้สึกให้อยากอาหาร ขณะเดียวกันก็ยังช่วยให้น้ำย่อยในกระเพาะอาหารทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งรสขมที่แฝงอยู่ในผลมะระยังมีสรรพคุณเป็นยาระบายอ่อน โดยเฉพาะผู้มีปัญหาเรื่องท้องผูกเป็นประจำ จึงสมควรที่จะนำมะระมาปรุงอาหารกินบ่อยๆ ซึ่งทั้งมะระจีนและมะระขี้นสามารถนำมาประกอบอาหารได้มากมายหลายชนิด เช่น มะระต้มจืด แกงจืดมะระยัดไส้ มะระผัด ยำมะระสด หรือลวกจิ้มน้ำพริก แถมราคาก็ไม่แพงมาก ตามท้องตลาดโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 10-30 บาท ขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจในช่วงๆ นั้น

สำหรับหารลดความขมของมะระเพื่อนำมาประกอบอาหารนั้น มีเคล็ดลับว่าก่อนให้นำมะระที่หั่นหรือซอยแล้ว นำไปคลุกกับเกลือทิ้งไว้สักครู่ แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดหรือ เวลาต้มมะระยัดไส้ ให้เปิดฝาหม้อไว้จนเดือด จะช่วยลดความขมของมะระได้

หวานเป็นลม ขมเป็นยาจริงๆ

แม้มะระจะขึ้นชื่อลือชาเรื่องความขมจนติดลิ้น แต่ก็มีคุณค่าทางโภชนาการ เพราะในมะระมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย เช่น แคลเซียม ช่วยเสริมสร้างการทำงานของกระดูกและฟัน ช่วยให้เลือดแข็งตัว มีฟอสฟอรัสซึ่งทำงาน ซึ่งทำงานสัมพันธ์กับแคลเซียมในการบำรุงกระดูกและฟัน บำรุงสมอง กล้ามเนื้อ วิตามินซีที่ช่วยให้ผิวพรรณผ่องใส อีกทั้งยังมีเบต้าแคโรทีนในปริมาณสูง ช่วยในการสร้างภูมิคุ้มกันโลกและปกป้องเซลล์จากการทำลายของสารก่อมะเร็ง

นอกจากนั้นส่วนๆ ของต้นมะระยังเป็นพืชผักสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยาอีกหลายประการ เช่น ใบสดใช้ต้มดื่มเพื่อบรรเทาอาการหวัด รักษาแผลในกระเพาะอาหาร แก้อาการร้อนใน กระหายน้ำ ลดการบวมหรือฟกช้ำตามร่างกาย และสามารถใช้ทาแก้อาหารผื่นคันได้ด้วย ส่วนผลมะระเมื่อสุก คั้นเอาแต่น้ำ ใช้ทาหน้าเพื่อแก้อาการสิวอักเสบ ผลดิบ ลวกกินกับน้ำพริก แก้อาการปวดเข่าในผู้สูงอายุ หรือแม้แต่เมล็ดมะระก็มีคุณสมบัติในการปรับธาตุในร่างกายให้เกิดความสมดุล รากสดของมะระใช้ต้มน้ำดื่มแก้ไข้ และบรรเทาอาการของโรคริดสีดวงทวารได้ด้วย

ถึงมะระจะมีรสชาติค่อนข้างขม แต่มะระก็ได้รับความนิยมจากคนรักสุขภาพนำผลสดๆ มาคั้นเป็นน้ำดื่ม เพราะน้ำที่ได้จากผลมะระมีสรรพคุณในการช่วยฟอกเลือดและกระตุ้นการทำงานของ ตับให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งยังมีคุณสมบัติช่วยลดน้ำตาลในเลือดและเพิ่มอินซู

ลินตามธรรมชาติให้กับร่างกาย เหตุนี้น้ำมะระจึงเป็นเครื่องดื่มที่เหมาะกับผู้ป่วยเบาหวานอย่างยิ่ง

ในการเลือกซื้อมะระมาทำอาหารแต่ละครั้งนั้น ถ้าไม่อยากได้มะระแก่ไปทำอาหาร ควรสังเกตที่หนามของมะระถ้าหนามมีลักษณะแข็ง แสดงว่ามะระนั้นแก่เต็มที่ ไม่ควรซื้อเพราะจะมีรสขมมาก แต่ถ้าหนามมีลักษณะอ่อนนิ่ม แสดงว่าเป็นมะระอายุน้อยและไม่ขม สามารถนำมาประกอบอาหารได้

ตกขาวมะระช่วยได้ : นำมะระขี้นกแก่ประมาณ 10 ลูก ล้างให้สะอาด โขลกทั้งเม็ดให้ละเอียด ใช้ผ้าขาวบางคั้นเอาแต่น้ำ ผสมเหล้าขาว 3 ช้อนชา รับประทานวันละ 1 ครั้งติดต่อกัน 1 สัปดาห์ อาการจะดีขึ้น

โดย : TPK.
ขอขอบคุณ : www.108health.com

ผักผลไม้ 7 ชนิดที่มีผลต่อสุขภาพของผู้หญิงโดยตรง

ผักผลไม้ 7 ชนิดที่มีผลต่อสุขภาพของผู้หญิงโดยตรง

คนส่วนใหญ่ต่างรู้ประโยชน์ของผลไม้หรือผักว่ามีวิตามินและแร่ธาตุมากมาย แต่เชื่อไหมว่า ผลไม้บางชนิด มีแร่วิตามินและแร่ธาตุที่พิเศษแตกต่างกันออกไป..มีพืชผักผลไม้อยู่ 7 ชนิด ที่มีผล ‘โดยตรง’ กับสุขภาพของ ‘ผู้หญิง’.

ส้ม : แหล่งวิตามิน เกลือแร่ และเส้นใยธรรมชาติอันอุดม รู้ไหมว่า การรับประทานส้มโดยไม่คายกากจะช่วยคุมน้ำหนักได้อีกทางหนึ่ง เพราะจะทำให้อิ่มท้องเร็ว เป็นประโยชน์สำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนักได้อย่างดีทีเดียว

ลูกพรุน : เป็นแหล่งโปแตสเซียม เหล็ก และไฟเบอร์ ที่สำคัญพรุนช่วยทำให้ผิวพรรณมีเลือดฝาด คงความเป็นหนุ่มเป็นสาว คนเรานั้นเมื่อผ่านช่วงสดใสของชีวิตคือวัย 25 ปี ร่างกายจะเริ่มเสื่อมโทรม ไขมันเริ่มเข้าสะสมตามที่ต่างๆ ใบหน้าที่เคยเอิบอิ่มด้วยเลือดฝาดก็เริ่มหมองคล้ำ ผิวพรรณจากสีชมพูระเรื่อก็เริ่มซีดโทรม ธาตุเหล็กที่มีมากในลูกพรุน จะช่วยดูแลเรื่องนี้ ควบคู่กับภาวะที่สตรีต้องสูญเสียเลือดและธาตุเหล็กไปกับประจำเดือนอีกด้วย

ถั่ว : อุดมไปด้วยโปรตีน เหล็ก และวิตามินบี นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่า เมื่อรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์ชนิดที่ละลายน้ำได้ (ซึ่งมีในถั่วมาก) ไฟเบอร์จะเคลือบผิวกระเพาะ ทำให้รู้สึกอิ่มเร็ว อิ่มนาน ความอยากอาหารจะลดลง แต่ยังมีสารอาหารอื่นๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอยุ่มากด้วยจึงไม่เหมือนไฟเบอร์อื่นๆ ที่ไม่ให้สารอาหารที่มีคุณค่ากับร่างกาย นั่นทำให้ผู้หญิงรุปร่างดีโดยที่ไม่ขาดสารอาหารด้วย

กล้วย : ในกล้วยไข่มีสารเบต้าแคโรทีน ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ เมื่อเราอายุเลย 22 ปีไปแล้ว ความเจริญเติบโตของร่างกายจะเริ่มหยุดชะงัก ความเสื่อมของร่างกายเริ่มมาเยือนช้าๆ ทำให้เซลล์ในร่างกายทุกเซลล์ผลิตอนุมูลอิสระมากขึ้น นอกจากนั้นเมื่อร่างกายเสื่อมสภาพ ความสามารถในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอก็จะลดลงเรื่อยๆ พร้อมกันนั้นความสามารถในการจำกัดอนุมูลอิสระก็ลดลงอย่างตกใจ ดังนั้นสาวๆ ควรสนใจรับประทานกล้วย โดยเฉพาะกล้วยไข่ให้มากขึ้นก็จะยอดมาก!

ฝรั่ง : เชื่อหรือไม่ว่าฝรั่ง 1 ขีด มีวิตามินซีสูงถึง 180 มิลลิกรัม ซึ่งวิตามินซีนี้มีบทบาทในการสร้าง ‘คอลลาเจน’ ที่ทำให้ผิวพรรณเต่งตึง ยืดหยุ่น ไม่หย่อนยานก่อนวัย

บรอคโคลี : เป็นแหล่งซีลีเนียมตามธรรมชาติ ซึ่งช่วยบำรุงผิวพรรณ และช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวหนัง ทำให้ผิวดูอ่อนนุ่มมีน้ำมีนวลเหมือนหนุ่มสาว แถมยังช่วยลดริ้วรอยเหี่ยวย่นได้

แอปเปิ้ล : มีสารอาหารที่สำคัญคือ เบต้าแคโรทีน วิตามินซี และไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำ ที่ชื่อ ‘เพคติน’ ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดความอยากอาหาร ลดน้ำหนัก และลดคอเลสเตอรอล ยามใดก็ตามที่หินจนกินช้างหมดตัวได้ กินแอปเปิ้ลสักลูกจะดีกว่ามากๆ เลย (จริงๆ นะ)


โดย : First Magazine
ขอขอบคุณ : www.108health.com

5 เมนูเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ทำให้รู้สึกสดชื่นและมีสุขภาพแข็งแรง


ทุกวันนี้คุณยังชอบดื่มน้ำอัดลมกันอยู่หรือเปล่า ถ้าตอบว่าใช่ คุณคงต้องเปลี่ยนความคิดกันได้แล้วล่ะค่ะ เพราะเราจะพาคุณไปพบกับเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่ทำได้ง่ายๆ และก็มีรสชาติอร่อย ป้องกันและการบรรเทาอาการต่างๆ และไม่ส่งผลเสียต่อร่างกายของคุณอย่างแน่นอนค่ะ...
เมนูเพื่อสุขภาพที่คุณหาซื้อรับประทาน และสามารถทำได้เอง ซึ่งมีทั้งประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย และยังช่วยบรรเทาอาการต่างๆ ดีต่อสุขภาพค่ะ..

1.สมูธตี้โยเกิร์ตจมูกข้าวสาลี
สรรพคุณ :โยเกิร์ตและผลไม้ที่ใช้เป็นแหล่งรวมวิตามินทั้งบีและซี ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ ช่วยรักษาสุขภาพลำไส้ใหญ่ จมูกข้าวสาลีมีใยอาหารป้องกันท้องผูก และมีวิตามินอี ซึ่งสามารถป้องกันโรคต้อกระจก
วิธีทำ :จมูกข้าวสาลีผง โยเกิร์ตรสธรรมชาติหรือรสผลไม้รวม น้ำส้มคั้น กล้วยหอม น้ำผึ้งแทนหรือน้ำตาลทรายแดง และน้ำแข็ง นำมาปั่นรวมกัน

2.น้ำลูกเดือยทรงเครื่อง
สรรพคุณ : ช่วยขับปัสสาวะ ช่วยเจริญอาหารบำรุงกระดูก บำรุงสายตา
วิธีทำ : นำลูกเดือยและข้าวมันปูกล้องต้มจนเปื่อย แล้วปั่นรวมกัน จากนั้นก็กรองแยกกากออก โรยเกลือเล็กน้อย ก่อนเสิร์ฟนำไปแช่ตู้เย็นให้เย็น หรือดื่มตอนอุ่นๆ ก็ได้


3.น้ำเต้าหู้ผสมเต้าฮวยธัญพืช
สรรพคุณ :ช่วยในการขับถ่าย ป้องกันมะเร็งทางเดินอาหาร และในถั่วเหลืองจะมีเลซิทิน ซึ่งเป็นสารบำรุงสมอง เพิ่มความจำ ลดไขมัน และลดคอเรสเตอรอลในร่างกาย
วิธีทำ : นำถั่วเหลืองบดด้วยเครื่องพร้อมกับน้ำเปล่า กรองกากออก นำน้ำนมที่ได้ตั้งไฟอ่อนๆ เติมเกลือเล็กน้อย คนเรื่อยๆ แล้วเติมน้ำตาลตามใจชอบ จากนั้นก็เทใส่เต้าฮวยธัญพืช (ผงเต้าฮวยสำเร็จรูปทำตามขั้นตอนแล้วเติมธัญพืชที่ชอบก่อนที่จะจับตัวเป็น วุ้น) ที่ตัดเป็นแบ่งเป็นชิ้นเล็กๆ ลงไปในแก้วน้ำเต้าหู้ ได้ทั้งน้ำได้ทั้งเนื้อ อิ่ม!

4.โอวัลตินปั่นวุ้นธัญพืช
สรรพคุณ :ในโอวัลตินไฟว์เกรนส์จะมีส่วนผสมของธัญพืชทั้ง 5 ชนิดที่เข้าไปช่วยรักษาสมดุลในร่างกายให้แข็งแรงและสดใส ส่วนลูกเดือยต้มสุกก็มีฤทธิ์เป็นยาเย็น ช่วยแก้ร้อนใน ถั่วเหลืองก็ช่วยลดคอเรสตอรอลและป้องกันโรคหัวใจได้
วิธีทำ :นำโอวัลตินแบบผงหรือโอวัลตินไฟว์เกรนส์มาชงใส่นมข้นหวานแล้วปั่น จากนั้นก็นำวุ้นธัญพืช (ผงวุ้นสำเร็จรูปต้มกับน้ำ แล้วเติมธัญพืช) มาตัดเป็นชิ้นแล้วใส่ลงไปในแก้ว

5.น้ำงาดำ
สรรพคุณ :ช่วยรักษาระดับคอเรสเตอรอล ป้องกันไม่ให้เกิดหลอดเลือดอุดตัน หรือหลอดเลือดแข็งตัว บำรุงประสาท แก้เหน็บชา ลดอาการนอนไม่หลับ ป้องกันอาการท้องผูกและเบื่ออาหาร
วิธีทำ :นำงาดำป่น งาขาวป่น ถั่วเหลืองป่นผสมน้ำต้มจนเดือด และใส่น้ำตาลทรายแดงสักหน่อย โรยเกลืออีกสักนิด ก็จะได้น้ำงาดำอร่อยๆ อุ่นๆ พร้อมดื่มได้ทุกวัน

ตลอดการทำงาน 5 วัน มารักษาสมดุลให้กับร่างกาย ด้วยเครื่องดื่มที่ผสมธัญพืช 5 ชนิด ที่หาดื่มได้ง่ายๆ ไม่เสียเวลา และทำเองได้ง่ายๆ สามารถดื่มตอนเย็น ก่อนนอน ดื่มตอนเช้าหรือดื่มเป็นของว่างระหว่างวันการทำงาน ก็ทำให้ร่างกายของคุณได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ครบทั้ง 5 ธาตุของร่างกาย ส่งผลให้ตลอดอาทิตย์นั้นคุณรู้สึกสดชื่นและมีสุขภาพแข็งแรงในระยะยาว...

โดย : ศรัญญา โรจน์พิทักษ์ชีพ
ขอขอบคุณ : www.108health.com

อาหารเช้าแสนฉลาด เพื่อสุขภาพ

อาหารเช้าแสนฉลาดเพื่อสุขภาพ

อาหารเช้านั้นสำคัญมากเหลือเกิน เพราะมันจะให้พลังงานแก่ร่างกาย เพื่อให้ร่างกายทำงานได้ทั้งวัน นอกจากนี้แล้ว ถ้าเราเลือกประเภทอาหารมาเป็นอาหารเช้าให้ดีแล้ว
มันจะมีผลต่อสมองหรือความฉลาดของเราด้วยนะเออ เขาพิสูจน์มาแล้วว่า การทานอาหารเช้าที่มีคุณภาพ จะมีผลต่อความกระฉับกระเฉงของร่างกาย ระบบความจำ ทักษะการเรียนรู้
และอารมณ์ด้วยนะจ๊ะ นอกจากนี้ยังจะช่วยให้สมองทำงานได้ดีขึ้น

ผลไม้สด

เดี๋ยวนี้อาหารเช้าที่มีแต่ผลไม้สด ก็เป็นอีกเมนูหนึ่งที่เขาฮิตทานกัน มีงานวิจัยบางชิ้นสนับสนุนการทานผลไม้สดเป็นอาหารเช้า นั่นเป็นเพราะว่าผลไม้หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นสตรอว์เบอร์รี่, มะนาว, ส้ม, แอปเปิ้ล จะเต็มไปด้วยวิตามินซีที่ผ่านการพิสูจน์แล้วว่าเป็นวิตามินที่มีประโยชน์ต่อ การทำงานของสมองของเราแต่ถึงแม้ผลไม้จะดีอย่างไรก็ตาม เราก็ควรท่านร่วมกับอาหารพวกแป้งด้วยจะดีกว่า อาจจะเป็นเมล็ดธัญพืช, ขนมปังปิ้ง, ซีเรียล

ประเภทปลา
อาหาร เช้าแบบปลา ที่บางคนมักจะบ่นและเลี่ยงไม่ชอบ เพราะออกจะคาวนี่แหละสำคัญมาก อย่างปลาซาดีนกระป๋องก็ดี หรือจะปลาทูทอด อย่างหรูก็ปลาแซลมอนรมควัน พวกนี้อุดมไปด้วยโอเมก้า 3 ที่มีมากในปลา ช่วยสมองได้ดีทีเดียว

ไข่
มี คนอยากผอมหลายคนนะ ที่กลัวกลั๊วกลัวไข่กันเหลือเกิน ต้องมีการจำกัดว่าต้องทานเท่าไร บางคนนะเลิกทานไปเลย เป็นซะอย่างนั้น แต่ถ้าได้ดูจากข้อมูลต่อไปนี้แล้วคงต้องเปลี่ยนใจ เพราะในไข่ฟองหนึ่งจะประกอบด้วยสารอาหารหลากหลายอย่าง เช่น ซิงค์, วิตามินบี 12 และวิตามินบีรวมอีกมากมาย จะช่วยให้ความจำดีขึ้น แถมยังไปช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่สึกหรอของสมองอีกด้วยนะ แต่ไม่ใช่ว่ารู้อย่างนี้แล้วรีบตักไข่ใส่ปากใหญ่เลยล่ะ เพราะเขามีโควต้าว่า ถ้าจะให้ดีควรทานไม่เกิน 3 ฟองใน 1 อาทิตย์ เพื่อจะได้ไม่ต้องเสี่ยงต่อระดับโคเลสเตอรอลแต่เนิ่น ๆ

โยเกิร์ต
ใคร ที่เลือกทานโยเกิร์ตเป็นอาหารเช้ายกมือขึ้น!!! คุณฉลาดมากที่เลือกทานโยเกิร์ต เพราะว่าเต็มไปด้วยโปรตีนสูง จำพวกกรดอะมิโน เป็นผลดีต่อเซลล์ในร่างกาย อีกทั้งยังมีประโยชน์ลึก ๆ ที่จะต้องทำให้คุณพอใจ นั่นก็คือ โยเกิร์ตมีผลทำให้ร่างกายอยากอาหารจำพวกของขบเคี้ยวได้ด้วย

ซีเรียลแท่ง
แท่ง ที่เหมือนขนม แต่อุดมไปด้วยสารอาหารดีเยี่ยมที่เด็ก ๆ ส่วนใหญ่ยังชอบทาน ความเป็นจริงก็คือมันไม่ค่อยได้ให้ประโยชน์ต่อสมองมากเท่าไร และยังมีน้ำตาลเยอะ ถึงแม้จะทำให้รู้สึกกระฉับกระเฉง แต่พลังงานก็จะหมดไปเร็วเหมือนกัน ถ้าเลือกจะทานซีเรียลแท่งเป็นอาหารเช้า ก็ควรจะใส่ผสมลงในโยเกิร์ตหรือนมสด ก็จะช่วยเพิ่มโปรตีนได้มากขึ้น ซึ่งแน่นอนจะมีประโยชน์ต่อสมองเพิ่มขึ้น

ขนมปังปิ้ง
อาหาร ของฝรั่งอีกอย่าง ที่ดูเหมือนจะเป็นที่คุ้นเคยกับปากคนไทยอย่างเราไปแล้ว ถึงแม้ขนมปังปิ้ง 2-3 ชิ้นจะไม่คณาท้องไปจนถึงเที่ยง (อันนี้สำหรับบางคน) แต่มันให้คุณค่าทางอาหารที่พอใช้ได้เหมือนกันนะ ยิ่งถ้าเป็นขนมปังแบบโฮลวีทพวกนี้ยิ่งดีใหญ่ ให้ทั้งสารอาหารซิงค์และธาตุเหล็ก พร้อมทั้งวิตามินบีรวมอีกเพียบให้ทั้งพลังงานและอาหารสมองอย่างดี ทานควบคู่ไปกับอาหารโปรตีนด้วย อย่าง นม, ไข่, ชีสรสโปรดสุดชอบ แต่อย่าลืมต้องไขมันต่ำ หรือจะครีมบัตเตอร์พีนัท (มีขายตามซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป) จะช่วยลดความหิว มือจะได้ต้องเผลอไปหยิบขนมขบเคี้ยวก่อนถึงอาหารเที่ยง

ข้าว
ไม่ ต้องพูดมากเกี่ยวกับข้าว เพราะตั้งแต่เด็กไทยอย่างเรา ๆ เห็นและทานกันไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เชื่อไหมว่ากว่าครึ่งหนึ่งของประชากรโลกทานข้าวเป็นอาหารหลัก ซึ่งข้าวมีคุณสมบัติช่วยให้ระบบการย่อยของร่างกายทำงานเป็นปกติด้วย ส่วนใครที่อยากได้ประโยชน์จากข้าวเต็ม ๆ ล่ะก็ เลือกทานข้าวซ้อมมือ จะได้วิตามินเพิ่มอีกเพียบ เมนูข้าวอาจจะเป็น ข้าวราดกะเพราไก่-ไข่ดาว รวมพลังงานที่ร่างกายได้รับยังสูสีกับอาหารเช้าแบบฝรั่งที่เทียบกันแล้ว ข้าวไทยเราอิ่มกว่าเยอะ

ว่างเปล่า (ยอมทานอาหารเช้า)
เป็น พวกประเภทไม่ยอมทานอาหารเช้า เพราะกลัวอ้วนหรืออย่างไรไม่ทราบได้ จากสถิติเขาบอกว่า 90% ของเด็ก มักจะทานอาหารเช้าเป็นประจำอย่างน้อย 5 วันต่อสัปดาห์ ส่วนผู้ใหญ่ที่ทานอาหารเช้ามีจำนวนประมาณ 77% อยากจะบอกว่าการทานอาหารเช้าเนี่ยดี เพราะถ้ายังติดนิสัยทานอาหารเที่ยงเป็นมื้อเช้าแล้วล่ะก็ จะทำให้ระบบเผาผลาญอาหารทำงานน้อยลง ซึ่งจะทำให้สมองทำงานไม่เต็มที่ ไม่ค่อยมีสมาธิเท่าที่ควร


ขอขอบคุณ : tergubchun.com

อาหารเช้าเพื่อสุขภาพ

อาหารเช้าเพื่อสุขภาพ

ข้าวโอ๊ต
สุดยอดอาหารมหัศจรรย์ที่ใช้เวลาปรุงเพียงแค่ 5 วินาทีเท่านั้น เพียงเติมน้ำร้อนก็พร้อมรับประทาน ข้าวโอ๊ต 1 ซองอุดมไปด้วยธาตุไฟเบอร์ 3 กรัม และให้พลังงาน 150 แคลอรี แถมยังช่วยลดคอเลสเทอรอล และลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจด้วย

ซีเรียล
แม้จะเป็นอาหารที่ไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนัก แต่ซีเรียลก็เป็นอาหารอีกชนิดหนึ่งที่สะดวกและเปี่ยม ไปด้วยคุณค่าทาง โภชนาการที่เหมาะกับยามเช้าอันแสนเร่งรีบ แค่รับประทานซีเรียลผสมนมพร่องมันเนยถ้วยเดียวคุณก็ไ ด้รับธาตุไฟเบอร์แบบเต็มๆ ไปแล้วอย่างน้อย 4 กรัม น้ำตาลอีก 10 กรัม แถมไขมัน 0% อีกต่างหาก

ผลไม้สด
ผลิตผล จากธรรมชาติที่เปี่ยมไปด้วยไฟเบอร์และวิตามินอันทรงคุณค่า เหมาะกับชั่วโมงเร่งด่วนยามเช้าเป็นอย่างยิ่ง ส้ม 1 ผลให้สารไฟเบอร์ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย 3 กรัม โปรตีน 1 กรัม และพลังงานจำนวน 60 แคลอรี กล้วย 1 ลูกนอกจากจะอุดมไปด้วยไฟเบอร์แล้ว ยังมีธาตุโพแทสเซียม ซึ่งจำเป็นต่อการทำงานของแรงดันโ ลหิตอีก 400 มก. คราวหน้าถ้าคุณสาวๆ บอกกับตัวเองว่า ‘ไม่มีเวลากินอาหารเช้า' อีกละก็แค่เดินไปเปิดตู้เย็น หยิบแอปเปิลมากัดสักสองสามคำ ร่างกายก็จะได้รับสารไฟเบอร์ไป 4 กรัม และพลังงานอีก 60 แคลอรีเพียวๆ โดยไม่เสียเวลาแต่อย่างใด

ขนมปังปิ้ง
อาหารเช้ายอดฮิตที่ใช้เวลา ปรุงเพียงแค่ 2 นาทีเท่านั้น แถมยังมีเมนูหลากหลายให้เลือกไม่สิ้นสุด ขนมปังปิ้งกับแยมรสโปรดก็ใช่ ขนมปังปิ้งทาเนยก็ชอบ หรือจะเป็นขนมปังปิ้งจิ้มน้ำผึ้งก็ไม่เลว แต่เพื่อสุขภาพที่ดีมากขึ้นควรเลือกขนมปังโฮลวีทหรือ ขนมปังธัญพืชเป็นส่วน ประกอบหลัก The American Dietetic Association ให้คำแนะนำว่าใน 1 วัน ควรรับประทานขนมปัง เพื่อสุขภาพอย่างน้อย 3 แผ่น และการรับประทานขนมปังโฮลวีทกับเนยถั่วยังทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่มี ประโยชน์มากขึ้นด้วย

เครื่องดื่มจำพวกสมู้ทตี้
อาหารเช้าอันแสนเพอร์เฟคสำหรับสาวที่ไม่ชอบ เคี้ยว ถ้าคุณมีเวลาชงกาแฟแล้วละก็ขอแนะนำให้คุณหันมาดื่มเค รื่องดื่มจำพวกนี้แทนดี กว่า แค่เอาผลไม้ที่เหลือในตู้เย็นเติมนมไปนิด น้ำแข็งสักก้อนสองก้อนมาปั่นรวมกัน ก็ได้อาหารเพื่อสุขภาพแล้ว แถมยังได้ความสดชื่นเป็นโบนัสยามเช้าอีกด้วย

ขอบคุณ : นิตยสาร first magazine

กินอะไรบำรุงผม - อาหารบำรุงเส้นผม

อาหารบำรุงผม 5 ชนิด คือ แซลมอน ผักสีเขียว ถั่วเปลือกแข็ง ไข่ โฮลเกรน ซึ่งอุดมด้วย อัลฟ่า-ไลโนเลนิก โอเมกา-3 ธาตุเหล็ก สังกะสี วิตามินบี 12
ช่วยให้สภาพผมของกลุ่มทดลอง 100 คนที่กินอาหารดังกล่าวเป็นเวลา 5 ปี มีปัญหาผมหงอก แตกปลาย และผมแห้ง น้อยกว่าคนที่ไม่ได้กินถึง 70 เปอร์เซ็นต์

กินอะไรบำรุงผม

ธรรมชาติเส้นผมบนศีรษะของคนเรานั้นปกติมีอยู่ประมาณ 1 แสนเส้น เส้นผมร้อยละ 85-90 จะอยู่ในระยะเจริญ งอกยาวเดือนละประมาณ 1 เซนติเมตร และงอกต่อเนื่องนานจน 2-3 ปี สำหรับเส้นผมที่เหลือร้อยละ 10-15 จะอยู่ในระยะพัก และหลุดร่วงไปจากศีรษะ พร้อมกับการเกิดผมเส้นใหม่งอกขึ้นมาทดแทน
ดังนั้นรากผมจึงเป็นส่วนสำคัญ ถ้ารากผมถูกทำลายหรือผิดปกติไป เส้นผมจะไม่งอกหรืองอกผิดปกติได้ เนื่องจากเส้นผมเป็นส่วนหนึ่งของเซลล์ เมื่อเรากินอาหารเพื่อบำรุงเซลล์ ย่อมทำให้เส้นผมกลับคืนสู่ความสมบูรณ์ตามธรรมชาติ
การเลือกรับประทานอาหารให้ครบหมู่ครบสารอาหาร นอกจากช่วยเสริมให้เส้นผมสมบูรณ์แล้ว อาหารดีมีประโยชน์ยังช่วยให้ร่างกายแข็งแรง มีสุขภาพดีได้อีกด้วย
บางคนไม่สบายด้วยโรคภัยไข้เจ็บทำให้รับประทานอาหารไม่เพียงพอ เส้นผมก็จะขาดสารอาหาร ใครที่เครียดบ่อยๆ ร่างกายจะดึงวิตามินบีและซีไปใช้มากกว่าปกติ เส้นผมก็จะได้รับวิตามินเหล่านี้น้อยลงไปด้วย บางคนมีกิจวัตรที่ต้องออกแดด ตากลมอยู่เสมอ ทำให้ขาดน้ำหล่อเลี้ยงจนเกิดผมแห้งแตกปลาย หรือคนที่ทานมังสวิรัติมานานโดยรับประทานพืชตระกูลถั่วน้อยก็อาจทำให้ขาด โปรตีน เส้นผมจะเสื่อมสภาพไม่แข็งแรง ความไม่สมดุลเหล่านี้ จึงส่งผลสะท้อนออกมาทางความสมบูรณ์ของเส้นผมอย่างเลี่ยงไม่ได้
เส้นผมมีส่วนประกอบต่างๆ … เคอราติน เป็นโปรตีนรูปแบบหนึ่งเป็นองค์ประกอบหลัก 65-96% ไขมัน 5% นอกนั้นเป็นน้ำและธาตุต่างๆ
# สารอาหารที่จำเป็นสำหรับเส้นผม อาทิเช่น อาหารโปรตีนสูง เช่น ไข่ เนื้อไม่ติดมัน ธัญพืช นมพร่องมันเนย ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ซึ่งเหมาะสำหรับเส้นผมที่อ่อนแอและคนที่ผมงอกช้า
# อาหารแคลเซียมสูง เช่น อาหารทะเล สาหร่าย นม กระดูกอ่อน กุ้งแห้ง ปลาเล็กปลาน้อย ช่วยบำรุงเส้นผมให้มีสุขภาพดีดูมีชีวิตชีวา
# วิตามินเอ บำรุงหนังศีรษะให้มีสุขภาพดี ได้จากส้ม มะเขือเทศ แครอท ผักโขม บรอกโคลี่ มันฝรั่ง มะละกอ แคนตาลูป ผักผลไม้มีเหลือง-แดง
# วิตามินบี ช่วยขับน้ำมันธรรมชาติหล่อเลี้ยงทำให้เส้น ผมมีความชุ่มชื่นไม่แห้งกรอบ มีมากในอาหารประเภท ซีเรียล ตับ ปลา ไข่ มะเขือเทศ ดอกกะหล่ำ และกล้วย
# วิตามินซี ทำให้การลำเลียงออกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์รากผมได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น มีมากในผลไม้รสเปรี้ยว เช่น มะนาว มะม่วงดิบ ฝรั่ง มะขาม ส้ม สตรอเบอร์รี่ ผักใบเขียวต่างๆ
# สำคัญที่สุดถ้าจะให้เส้นผมดูดีมีประกายเงางาม เจ้าของเส้นผมจำเป็นต้องได้รับวิตามินอีที่เพียงพอ ซึ่งวิตามินอีมีมากใน ข้าวกล้อง ถั่ว เกาลัด พืชเมล็ดเปลือกแข็ง จมูกข้าวสาลี ผักใบเขียว
# นอกจากนี้ยังรวมถึงแร่ธาตุจำเป็นต่างๆ ที่มีส่วนสำคัญต่อระบบการทำงานและโครงสร้างของเส้นผม เช่น สังกะสี จากอาหารประเภทถั่วทุกชนิด น้ำมันพืช น้ำมันงา จมูกข้าวสาลี
# ทองแดง ในถั่วเมล็ดแห้ง อาหารทะเล ธัญพืช ลูกพรุน
# เหล็ก ในตับ ไข่แดง ข้าวโอ้ต ผลไม้แห้ง
# ไอโอดีน ในอาหารทะเล สาหร่าย

# เมนูที่ควรหลีกเลี่ยง เป็นอาหารประเภทไขมันสูง เนื้อติดมัน เนย กะทิ อาหารทอด น้ำมันหมู ช็อคโกแลต อาหารเหล่านี้ทำให้หนังศีรษะมีน้ำมันส่วนเกินออกมามากเกินไป ทำให้ผมมัน หลุดร่วงง่าย และอาจเป็นผลต่อเนื่องทำให้เกิดสิวบนหนังศีรษะ


อาหารบำรุงเส้นผมให้เงางาม

เส้น ผมไม่เพียงช่วยให้เรามีรูปลักษณ์ที่ดี แต่คุณสมบัติที่สำคัญ คือ ช่วยป้องกันหนังศีรษะของคนเราพ้นจากอันตรายจากแสง แดด
ปัจจุบันเราทราบกันดีอยู่แล้วว่าแสงแดดนั้นเป็นอันตรายต่อผิวหนัง ทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น และเกิดโรคมะเร็งของผิวหนังได้ง่าย
แต่คุณทราบหรือไม่ว่าอาหารที่เรากินอยู่ทุกวันมีผลสะท้อนต่อผมได้เช่นเดียว กับผิวหนังเหมือนกัน

เพราะผมมีสารประกอบของสารอาหารบางอย่าง จึงขึ้นอยู่กับตัวเราว่าจะให้สารอาหารแก่ผมอย่างไร

เส้น ผมได้รับอาหารจากเลือดไปบำรุง ถ้าเลือดนั้นมีสารอาหารที่สำคัญสำหรับเส้นผม ผมก็จะเจริญงอกงาม รากผมก็จะยึดศีรษะแน่น
จะร่วงก็ต่อเมื่อถึงคราวต้องร่วง และสามารงอกได้ทันกัน นักวิทยาศาสตร์ที่เป็นนักโภชนาการได้เคยทำการทดลองค้นคว้าเรื่อง อาหารบำรุงผม
โดยได้ทำการทดลองกับสัตว์เลี้ยงสองกลุ่มคือ กลุ่มหนึ่งให้กินอาหารที่มีแร่ธาตุไอโอดีนคืออาหารทะเล ผักและผลไม้
ส่วนกลุ่มที่สองให้กินอาหารที่มีแต่แป้งและเนื้อสัตว์ ซึ่งจะได้คาร์โบไฮเดรตและโปรตีนเท่านั้น ปรากฏว่าสัตว์ทดลองกลุ่มที่หนึ่งมีขนดกดำสวยเป็นเงา
ส่วนกลุ่มที่สองร่างกายอ้วนแข็งแรง แต่ขนสั้น ทั้ง ๆ ที่มีพ่อแม่เดียวกัน

อาหารที่มีสารไอโอดีนมากและหาง่ายในบ้านเราได้แก่ อาหารทะเลต่าง ๆ เช่น ปลา กุ้ง และอาหารที่ปรุงด้วยเกลือเสริมไอโอดีน

อาหาร ที่มีธาตุซิลิคอนคือ ข้าวที่ไม่ได้ขัดสี ข้าวกล้อง ข้าวแดง รองลงมาได้แก่ แตงกวา สตรอเบอรี่ หน่อไม้ฝรั่ง กะหล่ำปลี ผักกาดหอม ผักโขม

ส่วน อาหารที่มีธาตุกำมะถันได้แก่ กะหล่ำปลี หัวผักกาดขาว หัวหอมใหญ่ หัวหอมแดง กะหล่ำดอก ผักกาดแดง แอปเปิ้ล ผักเหล่านี้หาได้ไม่ยาก
และสามารถกินได้ทั้งสดและหุงต้ม

ส่วน สาเหตุของผมร่วงนั้นมีหลายอย่าง การเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาตามธรรมชาติของหญิงหลังคลอดบุตร หลังเป็นไข้ไทฟอยด์ การขาดอาหาร
การใช้ยารักษาโรคมะเร็ง เชื้อรา เชื้อซิฟิลิส หรือเกิดจากความผิดปกติของเส้นผมเอง เช่น มีรอยหักกลาง และแม้แต่ความเครียดและการตกใจอย่างรุนแรง
ก็อาจทำให้ผมร่วงได้ ในกรณีที่มีปัญหาเรื่องผม ควรพบแพทย์เพื่อขอคำแนะนำอย่างถูกต้อง ไม่ควรหาซื้อยามาใช้เอง

การ ปฏิบัติตนอย่างง่าย ๆ คือ ควรใช้หวีหรือแปรงที่ไม่แหลมคม ไม่ควรแปรงผมย้อนหลัง หรือยีผมแรง ๆ อย่ารัดผมหรือถักเปียจนแน่นเกินไป
ควรใช้แชมพูอ่อน ๆ และบำรุงด้วยครีมนวดผม หรือปรับสภาพเส้นผม หากต้องการใช้สารเคมี เช่น ยาย้อมผม ยากัดสีผม
ก็ควรใช้เมื่อจำเป็นและไม่ควรใช้บ่อยนัก


ข้อมูลจาก โหระพา ดอทคอม, ศูนย์สุขภาพธรรมชาติบำบัด ไบโอติค